วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

นี่คือเหตุผลที่ผมรักลิโด้และสกาล่า

เป็นกระทู้ที่พูดถึง โรงฉายภาพยนตร์สองแห่งในย่านดัง

ความเห็นเจ้าของกระทู้


ผมรู้จักโรงภาพยนตร์ลิโด้ + สกาล่าครั้งแรกในปี 2008 ที่ 20th Century Boys เข้าฉาย
 เนื่องจากผมไปดูที่ Major Cineplex แล้วพบว่าหนังโดนตัดออกไปหลายฉากโดยไม่มีเหตุผล

 ตอนแรกก็ยังคิดว่าต้นฉบับคงจะมาแบบนั้น แต่พอมาเปิดอ่านใน pantip ถึงได้รู้ว่าหนังเรื่องเดียวกันที่ฉายที่โรง "ลิโด้" มีหลายฉากที่ไม่มีฉายในโรง Major Cineplex รวมๆ ทั้งหมดที่ตัดไปประมาณ 16 นาที

พอไปดูอีกรอบทีลิโด้ด้วยตาตัวเอง ก็ยิ่งเจ็บช้ำน้ำใจ เสียค่าตั๋วแพงกว่าที่เมเจอร์ แต่ได้ดูน้อยกว่าที่ลิโด้ นี่มันตรรกะอะไรกันเนี่ย (โทรไปถามที่ Major ได้คำตอบประมาณว่า เพื่อความกระชับของภาพยนตร์

 ผมเลยสวดไปชุดใหญ่ว่าคุณมีสิทธิ์อะไรมาตัดหนังด้วยตัวเอง ทั้งที่ฉากที่คุณตัดออกไปมันก็มีเรื่องราว มีที่ไปที่มาของมัน)

ราคาตั๋ว ณ ปี 2008 .... ลิโด้/สกาล่า 100 บาท / Major Cineplex 120 บาท

ภาพประกอบ



ปี 2009 Major Cineplex ก็ยังมีตรรกะแปลกๆ โผล่มาทักทายลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ "นี่เป็นหนังรางวัลนะคะ ทางเราขอเพิ่ม 10 บาทค่ะ" "นี่เป็นหนังฟอร์มใหญ่นะคะ ทางเราขอปรับราคาเพิ่มค่ะ" ในขณะที่โลกของคนรักหนังที่ลิโด้ + สกาล่า ก็ยังปักหมุดของตัวเองอยู่ที่จุดเดิม

 ราคาตั๋ว ณ ปี 2009 .... ลิโด้/สกาล่า 100 บาท / Major Cineplex 130 / 170 บาท



ปี 2010 ราคาของฝั่ง Major Cineplex ยังขยับตัวอย่างต่อเนื่อง ปรับเป็น 120 / 140 พร้อมกับกระแสด้านลบที่โดนผู้บริโภคออกมาประจานความเอารัดเอาเปรียบที่ใส่โฆษณาเข้ามาเต็มพิกัด เวลาฉายระบุหน้าตั๋วเที่ยงตรง แต่ต้องเข้าไปโดนยัดเยียดโฆษณาอีก 30-50 นาที จนสุดท้ายก็ได้มีการเอาป้ายมาวางบอกหน้าโรงว่าหนังทุกเรื่องจะมีการฉายโฆษณาประมาณ ... นาที แต่วางไปก็เท่านั้น เพราะโฆษณาก็ยังจัดเต็มอยู่เหมือนเดิม และเช่นเคย... ลิโด้ + สกาล่ายังยืนอยู่ที่เดิม ไม่เปลี่ยนไปไหน

 ราคาตั๋ว ณ ปี 2010 .... ลิโด้/สกาล่า 100 บาท / Major Cineplex 140 บาท


ปี 2011 เมื่อผมเริ่มระอากับเครือ Major และตัดสินใจไม่ไปดูเด็ดขาดหากไม่จำเป็น ผมจึงหันมาใช้บริการของ SF แทน แต่ก็ยังอยู่บนเงื่อนไขว่า ต้องดูเมื่อมีโปรเท่านั้น จะเป็นโปรวันพุธ โปรบัตรเครดิต หรือโปรมือถือก็ตาม ถึงแม้ SF จะมีโฆษณาก่อนหนังฉายเหมือน Major แต่ผมยังรู้สึกว่ามันไม่มากมายและไม่ยัดเยียดเท่า Major (ถ้าไปดู Major คุณจะต้องเจอกับอาบิ๊กจ๊ะ สาธิต กรีกุล ออกมารัวคำโฆณาด้วยความเร็ว 140 กม. ต่อชั่วโมง ในโฆษณาชุดยาแก้ไอ ไอแบบมีเสมหะ ไอแบบแห้งๆ ไอแบบมีเลือด ไอแบบปอดฉีก ไอแบบโน้น ไอแบบนี้ พูดรัวและเร็วมาก เหนื่อยจะฟัง) แต่ถ้าคุณมา SF ก็คงต้องทนกับอันนี้แทน.... "มีโค้กกับป๊อบคอร์น.... นั่งที่ไหนดี" + เสียงบาดแก้วหูของรถกระบะที่มา digital soundcheck ดัง "ชริ๊งงงงง" ที่ผมต้องอุดหูทุกครั้งที่ถึงช่วงนั้น โอยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 ราคาตั๋ว ณ ปี 2011 .... ลิโด้/สกาล่า 100 บาท / SF cinema 160 บาท


มาถึงปี 2012 ค่าตั๋วของฝั่ง SF ก็ยังพุ่งขึ้นฟ้ากันต่อไป ไม่ทราบด้วยประการใดเหมือนกัน ยังดีว่ามีการเปลี่ยนแปลงของตัวโฆษณา "โค้ก+ป๊อบคอร์น" และเปลี่ยนวิธีนำเสนอ digital sound check เอาเสียงบาดแก้วหูออกไป แต่ค่าตั๋วก็ยังแพงขึ้นๆๆๆๆๆ โดยไม่รู้ว่าจะไปหยุดอยู่ที่ตรงไหน แต่ห้าปีผ่านไป ลิโด้และสกาล่า ยังยืนอยู่ที่เดิม......

 ราคาตั๋ว ณ ปี 2012 .... ลิโด้/สกาล่า 100 บาท / SF cinema 180 บาท



ยังไม่รู้เหมือนกันว่าปีนี้จะมีการปรับค่าตั๋วของสองเครือหลักไปไกลขนาดไหน แต่ผมรู้สึกว่าราคาที่ต้องจ่ายให้ความบันเทิงระยะเวลา 1.30 - 2 ชม. มันเริ่มแพงมากขึ้นทุกทีๆ จนเราอึดอัดที่จะไปใช้เวลาอยู่กับมัน ยิ่งนึกถึงว่าลิโด้และสกาล่าอาจจะอยู่กับเราอีกไม่กี่ปีเนื่องจากหมดสัญญาเช่าพื้นที่ก็ยิ่งใจหาย ถ้าหมดเวลาของลิโด้และสกาล่าเมื่อใด ความถี่ในการไปดูหนังในโรงของผมก็คงลดน้อยตามลงไปเช่นกัน

 รักลิโด้และสกาล่านะครับ อยู่คู่กับพวกเราไปนานๆ นะ

ความเห็นที่ 1

เคยรู้สึกแบบเจ้าของกระทู้เช่นกัน แต่คนละเคสกัน ของผมเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบติจิตอล กับฟิล์ม ซึ่งเขาประกาศฉายเป็นดิจิตอลไว้ ขายตั๋วในราคาดิจิตอล

 แต่ถึงเวลาจริงๆดันฉายฟิล์ม เล่นเอาของขึ้นเลย และก็พวกลำโพงแตกตลอดการฉาย โดยเฉพาะลำโพงด้านหน้า นี่ก็เข็นออกมาฉายได้ก่อนที่จะซ่อมเสร็จ

 บางอย่างที่เราเข้าไปเสพ แต่เราไม่รู้นี่มีอีกเยอะนะครับ...ก็เพราะว่าผู้บริโภคอย่างเราไปสร้างฐานไว้ให้เขาโตจนมาถึงวันนี้ ส่วนลิโด สกาล่า ผมก็ไปดูบ่อยนะครับ

 ทุกวันนี้ตั๋วถูกดี แต่คุณภาพตามราคาแล้วครับทุกวันนี้ ล่าสุดไปดู ลิโด ก็ลำโพงเซ็นเตอร์แตกเมื่อถึงตอนเสียงดังขึ้นมาหน่อย ส่วนสกาล่า ก็เสียงเบาไม่กระหึ่มสมเป็นโรงใหญ่ ทั้งหมดนี้ผมคิดว่าเกี่ยวกับความรับผิดชอบของคนบริหาร ว่ามีจิตสำนึกต่อผู้บริโภค และผู้ที่เป็นลูกค้าของตนขนาดไหนครับ.


ความเห็นที่ 2

ลิโด้ สลาก่า ขาดทุนนะ ขาดทุนตลอดด้วย ที่อยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะสัญญาเช่าที่ที่ทำไว้กับจุฬา ยังเป็นสัญญาฉบับเก่า ที่ค่าเช่าพื้นที่ยังต่ำอยู่ เพราะทำมานานแล้ว และ อีกส่วนหนึ่งคือเขาเอารายได้จาก

 สวนนงนุช มาโปะ ที่นี่เพื่อให้ยังอยู่ได้และคงราคาเดิมไว้ได้ ... เจ้าของเขาทำไปด้วยใจรัก ถ้าไม่โดนทุบ แต่ถ้าสัญญาเช่าที่ฉบับเก่าหมดไป และต่อสัญญาฉบับใหม่ ค่าเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นแบบมหาโหดแน่นอน

เหมือนในย่านนั้น ที่สัญญาทะยอยหมดกัน และจุฬาต่อสัญญาโดยปรับค่าเช่าให้เป็นปัจจุบัน มีผลทำให้ผู้ประกอบการในย่านนั้นคืนพื้นที่กันเยอะ หรือไม่ก็ต้องปรับราคาขึ้นไปให้อยู่ได้

 บางส่วนจุฬาก็ไม่ต่อสัญญาและเอาพื้นที่มาบริหารจัดการเอง เรื่องทุบ ลิโด้ สกาล่า ไม่รู้ตอนนี้เป็นไงแล้ว ผมไม่ได้ตามข่าวเลย ..

ความเห็นที่ 3

หนังล่าสุดที่สละจากสกาลา กับลิโด้ ก็ Life of Pi กับ The Hobbit เนี่ยละครับ
 จำเป็น เพราะจดู 3D ซึ่งจะ่่ว่าไป ส่วนตัวผม ไม่จำเป็นต้อง 3D ก็ได้

 คิด ๆ แล้ว โดนค่าเดินทางด้วย บางทีก็เท่ากับดูโรงสองเครือหลักเหมือนกัน อีกจุดหนึ่งที่
จขกท. ไม่เอามาเสริมด้วยก็คือ โปรสะสมไมล์ดูครบ 10 ที่นั่ง ได้ดูฟรี 1 ที่นั่งเนี่ย
ไม่มีหมดอายุอีกต่างหาก แถมสะสมครบ 10 การ์ดก็มีโปรอีก

ความเห็นที่ 4

ชอบลิโด้และสกาล่าเหมือนกัน พนักงานเต็มใจให้บริการ และคนที่มาดูเห็นจะเป็นคนรักหนังกันทุกคน ไม่เคยเลยที่จะมีเสียงมือถือดัง หรือคนเม้าท์มอยในโรงให้รำคาญ เป็นความสุขทุกครั้งที่ได้เข้าโรงหนังที่นี่

ตามไปดูต่อที่

http://pantip.com/topic/30051681


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น