วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ประเทศไทย ได้อันดับหนึ่ง! ประเทศที่เด็กเรียนหนักมากที่สุดในโลก !!

เป็นกระทู้ที่พูดคุยถึง การเรียนหนังสือของเยาวชนไทย

เนื้อข่าว

ประเทศไทย ติดอันดับ 1 "ประเทศที่เด็กเรียนหนักสุดของโลก"

นักวิจัยนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ สนับสุนโดยสำนักงานกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ประเทศไทยถูกจัดลำดับที่มีเวลาเรียนที่เยอะที่สุดในโลก เมื่อรองมาจากประเทศญี่ปุ่น เหตุที่เรียนหนักจึงส่งผลทำให้มีเด็กไทยต้องออกกลางคันจำนวนปีละ 900.000 คน ต่อปีและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี และมีปัญหาตั้งครรภ์ ก่อนวัยอันควรจำนวน 1.500.000 คน ใน 2 ปีที่ผ่านมา และยังมีเยาวชนติดโรค HIV จำนวน 1.358.000 คนใน 3 ปี และจะเพิ่มขึ้นทุกปี และมีค่าเรียนที่แพงจนมีเด็กไทยหลายคนเลือกทำอาชีพที่ผิดกฎหมายกันมากขึ้นจำนวน 386.250 คนต่อปี

เด็กที่ประกอบอาชีพที่ผิดกฎหมาย เช่น ข่ายตัว ค้าขายเสพติด เป็นต้น สาเหตุที่เด็กทำผิด เฉพาะต้องการหาเงินเป็นค่าเรียน และการเรียนพบว่าเด็กไทยมีเวลาเรียนวันละ 8-10 คาบต่อวัน แต่มีเด็กจำนวนไม่น้อยไม่อยากเรียนหนังสือเพราะเบื่อหน่วย และที่น่าเป็นห่วงที่สุด เด็กจำนวนร้อยละ 87 มีเวลาพูดคุยกับพ่อแม่วันละ 10 นาทีจึงทำให้เด็กไม่มีเวลาได้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ จึงทำให้พ่อแม่ไม่รู้ชีวิตความเป็นอยู่ในโงเรียนของเด็กเลย หรือน้อยมาก และพบอีกว่าเนื้อหารายวิชาต่างๆ มีแต่เนื้อหาที่มีความรู้แต่ไม่มีศิลธรรม จึงทำให้เด็กกลายเป็นคนขาดศิลธรรม ไม่รู้จักเสียสละ ไม่รู้จักทำเพื่อส่วนรวมเพื่อผู้อื่น และกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวในที่สุด เมื่อเด็กจบไปเด็กอาจใช้ความรู้ที่มีมาก่อน นำไปใช้ในทางที่ผิดศิลธรรมในที่สุดได้เช่นกัน

และมีเด็กไทยตั้งแต่ 7 -20 ปีที่ต้องฆ่าตัวตายด้วยผลการเรียนตกตํ่า หรือสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ที่น่าตกใจมีจำนวนที่เด็กไทยที่ฆ่าตัวตายปีละ 300.000 คนต่อ อีกปัญหาหนึ่งคือ จำนวนนักเรียนในห้องเรียนมากเกินไป ตามมาตรฐานการศึกษาจำนวนนักเรียนต่อห้องไม่ควรเกิน 30 คน

"คำพูดที่สรุปภาพของการศึกษาไทยได้อย่างเจ็บแสบว่าเป็นแบบ "ลู่วิ่งเดี่ยวปลายตีบ" เด็กทั้งประเทศเหมือนกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งที่แข่งขันด้านความเป็นเลิศทาง วิชาการ แต่ยิ่งวิ่ง ปลายลู่ยิ่งตีบ เด็กส่วนใหญ่พ่ายแพ้ ต้องหล่นออกจากลู่ มีน้อยคนเท่านั้นที่วิ่งชนะ สภาพเช่นนี้บั่นทอนคุณภาพชีวิตของเด็กๆ ทุกคน ถ้าวันนี้ถ้าระบบการศึกษาไทยยังไม่เปลี่ยน ก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้"

ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ความเห็นที่ 1

โตไปไม่โกง ไม่โง่ ไม่เอ๋อ ไม่เอาดีใส่ตัว ไม่เอาชั่วใส่คนอื่น แค่นี้ก็พอแล้วลูก

ความเห็นที่ 2

เคยไปประชุมผู้ปกครอง อ.ที่ปรึกษากับผู้ปกครองคุยกันเรื่องการเรียนเด็ก
ต่างคนต่างก็ตำหนิเรื่องการเรียนพิเศษของเด็ก ว่าเรียนมากอย่างโน่นนี่
ต่างคนต่างไม่เห็นด้วย วิพากษ์กันอย่างเมามัน จนเกือบเที่ยง
อ.ที่ปรึกษาบอกว่าเอาเรามาสรุปกันเป็นข้อๆ จะได้เสร็จเสียที
ผมจะรีบไปส่งลูกไปเรียนพิเศษ เดี๋ยวไม่ทัน55555555555

ความเห็นที่ 3

เรียนหนัก ไม่ใช่เรียนดี
เรียนดี ไม่ใช่ความรู้เยอะ
ความรู้เยอะ ไม่ใช่จะเอาตัวรอด
จะเอาตัวรอดได้ ก็ไม่ใช่จะเป็นคนดี


ถ้า
คนดีเเต่รู้ไม่เยอะ เยอะกว่า คนรู้เยอะเเต่ไม่ดี
โลกมันก็คงน่าอยู่ขึ้น(รึเปล่า)

ความเห็นที่ 4

เราเคยคิดว่าเราเรียนสบายนะคะ
แต่พอไปแลกเปลี่ยนที่ยุโรปนี่คนละเรื่องเลย
เรียนกันสบายมากกกกกกก

ป.ล. มานับชั่วโมงเรียนเสริมหลังน้ำท่วมนี่ได้ตกใจกันอีกรอบ
วันละ 12 ชั่วโมงยังมีเลย TT^TT

ตามไปดูต่อที่

http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U11441346/U11441346.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น